เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขง (MRC) ได้เรียกร้องให้ 6 ประเทศลุ่มน้ำโขงร่วมกันแก้ไขปัญหาแม่น้ำโขงแห้งและไหลต่ำ ความผันผวนของน้ำและความแห้งแล้ง เป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกันและขณะนี้ระดับน้ำโขงไหลต่ำ โดยทางสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงระบุว่า สภาพการไหลของแม่น้ำโขงขณะนี้ลดต่ำสุดในรอบกว่า 60 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปี 2563 ที่แม่น้ำโขงไหลน้อยและมีปริมาณฝนน้อยกว่าปกติในทุกเดือนยกเว้นเดือนตุลาคม รายงานการประเมินสภาพความแห้งแล้งและการไหลของแม่น้ำโขง ฉบับใหม่ระหว่างปี ค.ศ. 2019-2021 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 ชี้ว่า รูปแบบการไหลของแม่น้ำโขงได้เปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ปี 2558 ที่ปริมาณของแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูแล้งและลดลงในฤดูฝนสาเหตุจากการกักเก็บของเขื่อนต่าง ๆ ในลุ่มน้ำโขง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงตามมา
นายพิช อัน ฮัดา ซีอีโอสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขง กล่าวว่า หลายปัจจัยได้ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อผลผลิตด้านการประมงและเกษตรกรรม โดยเฉพาะวิถีชีวิตประชาชนในพื้นที่ปากแม่น้ำโขงและยังสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศของแม่น้ำโขงทั้งลุ่มน้ำ จึงอยากเรียกร้องให้เกิดความร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนและจริงจังทั้งจากจีนและสมาชิกใน 4 ประเทศ ด้วยแนวทางการการตั้งกลไกร่วมในการแจ้งเตือนระดับความผันผวนของน้ำและความร่วมมือในการจัดการอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนต่าง ๆ ในอนาคต โดยแต่ละประเทศต้องประเมินทางเลือกในการกักเก็บน้ำเพื่อจัดการสถานการณ์ความแห้งแล้งหรือน้ำท่วมไปพร้อมกับการบริหารจัดการเขื่อน ๆ ต่างทั้งลุ่มน้ำโขงร่วมกัน
รายงานฉบับล่าสุดของคณะกรรมการแม่น้ำโขง ขนาดความยาวกว่า 100 หน้า ได้ประเมินผลกระทบของการไหลของแม่น้ำโขงที่ต่ำลงและการไหลย้อนกลับเข้าไปในทะเลสาบเขมรที่กัมพูชาในช่วงฤดูฝน โดยพบว่า ปี 2564 ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำของแม่น้ำโขงไหลกลับเข้าสู่ทะเลสาบเขมรมีเพียง 51% เท่านั้น
รายงานระบุอีกว่า เขื่อนขนาดใหญ่บนแม่น้ำโขงตอนบน 2 แห่ง ที่ใหญ่ที่สุดคือเขื่อนเสี่ยวหวานและนัวจาตู้ ได้กักเก็บน้ำไว้จำนวนมาก แต่ก็ยังไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ระดับน้ำโขงมีปริมาณการไหลที่ลดลง แต่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศและปริมาณฝนที่น้อยกว่าปกติ
นายจิระศักด์ อินทะยศ ตัวแทนกลุ่มรักษ์เชียงของ ได้ทำการบันทึกระดับน้ำโขงที่อำเภอเชียงของรายวันระบุว่า ระดับน้ำแม่น้ำโขงในเขตอำเภอเชียงแสน – เชียงของ จังหวัดเชียงราย ระดับน้ำโขงมีปริมาณลดต่ำอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อกลางเดือนธันวาคมเป็นต้นมา ระดับน้ำโขงลดต่ำและการไหลช้าลง ทำให้ “ไก” หรือสาหร่ายแม่น้ำโขงเกิดกระจายไปทั่วลำน้ำ และชาวบ้านริมแม่น้ำโขงในเขตอำเภอเชียงของ เวียงแก่น ได้ลงไปเก็บไกและนำมาขายสร้างรายได้ให้กับครอบครัวอย่างต่อเนื่องมาจนถึงขณะนี้ โดยไกสดนั้นมีราคาประมาณ 100 บาท ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 700-1000 บาทต่อวัน โดยวันนี้(14 มกราคม 2565) ระดับน้ำโขงที่เชียงของอยู่ที่ 1.42 เมตรเท่านั้นและน้ำเริ่มนิ่งมาก หากเขื่อนจีนปล่อยน้ำมาเพิ่มในช่วงระยะเวลานี้ก็อาจจะไม่จำเหมาะสม เพราะจะทำให้ไกที่ชาวบ้านกำลังเก็บหาจะเสียหายไป
นางพรพิมล จันทร์หอม อาสาสมัครเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน กล่าวว่า ปีนี้ระดับน้ำโขงที่บ้านคกเว้า อำเภอปากชม จังหวัดเลย แห้งมากกว่าปีที่ผ่านมา หากเทียบกันแล้วระดับน้ำเท่านี้ควรจะเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม และยังมี “เทา” หรือสาหร่ายเกิดกระจายทั่วลำน้ำเยอะมาก ซึ่งเป็นปัญหาของคนหาปลา เพราะมักจะเกาะตามเครื่องมือประมง ปัจจุบันที่หมู่บ้านมีคนหาปลาประมาณ 14-15 คน สามีที่เป็นคนหาปลาเองก็หาปลาได้น้อยมาก น้ำโขงที่ผันผวนและแห้งเร็วส่งผลกระทบต่อเรือของคนหาปลา เพราะบางทีน้ำแห้งตอนกลางคืน เรือก็คว่ำเครื่องยนต์ตกทำให้เสียหายและต้องเสียเวลาซ่อม
“ระดับน้ำโขงที่ผันผวนตลอด 4 – 5 ปีที่ผ่านมา มันเอาแน่นอนไม่ได้เลย บางปีช่วงสงกรานต์ระดับน้ำโขงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เรารู้ว่ามันเป็นน้ำจากเขื่อน เพราะน้ำโขงใส ๆ และขึ้นเร็วท่วมหาดทรายที่ชาวบ้านกำลังจัดงานสงกรานต์ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่เตรียมสินค้ามาขายได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่ที่ผ่านมามันกำหนดไม่ได้ 4-5 ปีหลัง แต่บางทีช่วงสงกรานต์น้ำเขื่อนก็ปล่อยมา คนที่จัดงานก็เสียหาย” นางพรพิมล กล่าว
นางสาวคำปิ่น อักษร ตัวแทนเครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของ จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า สถานการณ์แม่น้ำโขงที่บ้านตามุย จ.อุบลราชธานี ตอนนี้กำลังเจอสถานการณ์หนักมาก พบว่า มีการขุดเจาะสำรวจหินแม่น้ำโขงอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหาดวิจิตราในเขตประเทศลาว ซึ่งเป็นการสำรวจของเขื่อนบ้านกุ่ม ส่วนในฝั่งไทยชาวบ้านเล่าว่า มีการสำรวจความลึกลำน้ำไปเมื่อปลายธันวาคมที่ผ่านมา ตั้งแต่งแต่บ้านตามุยถึงบ้านสำโรง เขตอำเภอเขมราฐ ส่วนระดับน้ำโขงปีนี้ ระดับน้ำต่ำกว่าปีที่แล้วและสีของน้ำใสมาก เกิดเทาหรือสาหร่ายจำนวนมาก ส่วนการจับปลานั้นถือว่าปีนี้ ชาวบ้านจับปลาได้น้อยมาก เดิมช่วงเดือนนี้เคยจับพวกปลาสร้อย ปลาคุยลาม ปลาหลังขน ปลาสะอี ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าเป็นปลาที่จะไปไหว้พระธาตุพนม แต่ปีนี้แทบไม่ได้เลย ชาวบ้านตามุยกำลังเผชิญความลำบากมากเรื่องความมั่นคงทางอาหาร เพราะราคาอาหารทั้งหมูทั้งไก่ก็แพงขึ้น