เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2566 ที่บริเวณท่าหาดไคร้ ริมแม่น้ำโขง ต.เวียง อ.เชียงของ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น 12 องศาเซลเซียส ชาวบ้านจำนวนกว่า 30 – 40 คน ต่างเวียนกันมาจกไก(สายหร่ายแม่น้ำโขง)หรือเก็บไกตามฤดูกาล โดยกลุ่มไกติดอยู่ตามโขดหินหนาตา เพราะน้ำลดลงครึ่งเมตร ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา
ทั้งนี้เพจ Mekong Dam Monitor ระบุว่าเขื่อนทางตอนใต้ของจีนได้ลดการปล่อยน้ำลงทำให้แม่น้ำโขง อาจทำให้ระดับแม่น้ำโขงลดลงระดับ 70 – 100 เซนติเมตรในช่วงวันที่ 20-22 มกราคม
“น้ำลงไปสองศอกแล้ว 2-3 วันมานี้ การลดลงของระดับน้ำเท่านี้ยังพอเก็บไกได้อยู่แต่ถ้าลดลงฮวบฮาบมากกว่านี้ก็จะทำให้ไกเน่าติดฝั่ง ที่ห่างฝั่งออกจะยังไม่มีเพราะที่ลึกแสงส่องไม่ถึง ไกไม่ขึ้นแต่ถ้าระดับขึ้นเร็วทำให้ระดับน้ำลึกเก็บไม่ได้ และอาจจะทำให้ไกหลุดเมื่อไม่ได้รับแสง” ชาวบ้านหาดไคร้ที่ลงมาเก็บไกกล่าว
นายจีระศักดิ์ อินต๊ะยศ กลุ่มรักษ์เชียงของกล่าวว่า ระดับที่เชียงของลดลงอยู่ที่ 1.48 เมตร จากต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 2 เมตร โดยลดเร็วในช่วงสองวันที่ผ่านมา ทำให้ไกบางส่วนพ้นน้ำเน่าตามฝั่งแม่น้ำ ตั้งข้อสังเกตจากการติดตามบันทึกระดับที่ผ่านมาอาจสัมพันธ์กับการหยุดยาวตรุษจีนทำให้มีการหยุดเดินเรือในแม่น้ำโขง จึงทำให้มีการลดการปล่อยน้ำเพื่อไม่ต้องรักษาระดับน้ำให้เหมาะกับการเดินเรือหรือไม่
นายจีรศักดิ์ กล่าวว่าในปีนี้มีคนลาวเข้ามาเก็บที่หาดบ้านหาดไคร้โจ้โก้มากกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา อาจจะเป็นเพราะปริมาณไกฝั่งไทยมีมาก สะอาดเนื่องจากระดับน้ำและกระแสน้ำเหมาะสมต่อการเกิดไก เพราะเกาะกลางน้ำโขงที่ทั้งคนไทยและคนลาวไปเก็บนั้น มีโคลนและทรายมากทำให้ล้างยาก
“การค้าขายไกถึงเป็นเศรษฐกิจชุมชนที่คึกคักมากของทั้งสองฝั่ง มีทั้งคนที่จกขายไกสดหรือไกดิบที่ตอนนี้ กก.ละ 100 บาท ลดจากต้นฤดูกาลเก็บไกต้นเดือนมกราคมที่ถีบตัวสูง 150 บาท โดยเก็บช้ากว่าปีที่แล้วที่เก็บตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม ฤดูกาลเก็บไกสร้างรายได้ให้ครัวเรือนคนหาดไคร้ โจ้โก้ และคนลาวหลายครัวเรือน ที่เพียงรับจกแล้วขายส่งให้คนรับไปแปรรูปต่อวันก็สูงถึง 1,000 บาทต่อคนได้โดยใช้เวลาการจกครึ่งวัน ไม่รวมรายได้ครัวเรือนที่เอาไปแปรรูปเอง” นายจีระศักดิ์กล่าว
นายจีระศักดิ์กล่าวอีกว่า ในปีนี้ไกงามใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยในปีที่แล้วนั้นชาวบ้านเก็บไกได้มาก และไกงามเนื่องจากน้ำดับขึ้นลงไม่ฮวบฮาบในช่วงเก็บไก โดยมีการตั้งข้อสังเกตกันว่าเพราะไม่มีการเดินเรือขนส่งเพราะเป็นช่วงป้องกันโรคระบาดโควิดต่อเนื่องทำให้ไม่มีการเก็บกักและปล่อยน้ำจนกระทบต่อระดับน้ำแบบรวดเร็ว เก็บได้ต่อเนื่องจึงทำให้หลายครัวเรือนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำในช่วงหน้าหนาวปีที่แล้ว น่าสังเกตว่าในปีนี้มีการเดินเรือและกิจการร้านค้า โรงแรมริมน้ำ ต่าง ๆ เปิดดำเนินการหลังการควบคุมโรค จะมีผลอย่างไรต่อความสะอาดและระดับน้ำที่เป็นปัจจัยต่อเศรษฐกิจในวิถีชุมชนที่สืบต่อเนื่องมายาวนาน
ที่มา https://transbordernews.in.th/home/?p=33255